แนวทางและวิธีการสำหรับการสร้างการเชื่อมต่อ (Integration) บน Oracle Integration Cloud (OIC) โดยเน้นที่การสร้าง API และการใช้ Connectivity Agent เพื่อดึงข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์
Connectivity Agent เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยให้ OIC สามารถเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลหรือเซิร์ฟเวอร์โดยขั้นตอนการตั้งค่ามีดังนี้:
ขั้นตอน:
เข้าไปที่ Home > Integrations > Agents ใน OIC
คลิก Create Agent Group
กรอกข้อมูล:
ชื่อ: ไม่เกิน 50 ตัวอักษร, ใช้ A-Z, a-z, 0-9, ช่องว่าง, _ หรือ -, ห้ามขึ้นต้นหรือลงท้ายด้วยช่องว่าง
รหัส: ใช้ตัวพิมพ์ใหญ่ของชื่อ (ไม่สามารถแก้ไขได้หลังสร้าง)
ประเภท: Connectivity Agents Group (สำหรับระบบในเครื่อง)
คำอธิบาย: อธิบายการใช้งานให้ชัดเจน
คลิก Create
หมายเหตุ: สามารถมี Agent ได้สูงสุด 2 ตัวต่อกลุ่ม
และสร้างกลุ่มได้สูงสุด 5 กลุ่มต่อ OIC Instanc
JDK: ต้องใช้รุ่น 17 (รุ่น 8/11 จะหยุดสนับสนุนหลัง 31 ธันวาคม 2566)
ระบบปฏิบัติการ: รองรับ Oracle Linux 6.x, 7.x, 8.x; RedHat Enterprise Linux 6.6, 7.x, 8.x; Suse Linux Enterprise Edition 12 SP2; Windows Standard Edition 2016, 2019 (ไม่รองรับ Kubernetes หรือ IBM/Open JDK)
หน่วยความจำ: อย่างน้อย 8 GB (4 GB สำหรับ Heap Size ของ Agent JVM)
ขั้นตอน: สร้างไดเรกทอรีสำหรับติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ (ห้ามใช้ /tmp)
ไปที่ Home > Integrations > Agents คลิก Download > Connectivity Agent
แตกไฟล์ oic_connectivity_agent.zip บนเซิร์ฟเวอร์
แก้ไขไฟล์ InstallerProfile.cfg:
จำเป็น: oic_URL (เช่น https://hostname:443), agent_GROUP_IDENTIFIER (จาก Agent Group)
ไม่จำเป็น: oic_USER, oic_PASSWORD, พารามิเตอร์ Proxy (เช่น proxy_HOST, proxy_PORT)
ตั้งค่า JAVA_HOME และรันคำสั่ง java –jar connectivityagent.jar
รอข้อความยืนยันการติดตั้งสำเร็จ
หมายเหตุ: หากใช้ Proxy บน Windows ผู้ใช้ต้องระบุในรูปแบบ MS_domain\\username
Linux: รันเป็น Background Process ด้วย nohup java -jar connectivityagent.jar &
Windows: ต้องล็อกอินค้างไว้ (ไม่สามารถรันเป็นเซอร์วิสได้)
เพื่อสร้างการเชื่อมต่อฐานข้อมูลโดยใช้ Agent สามารถดำเนินการดังนี้:
ขั้นตอน: ไปที่ Home > Integrations > Connections คลิก Create
เลือก "Database" เป็นประเภท Adapter เลือกประเภทฐานข้อมูล (เช่น Microsoft SQLServer)
กรอกข้อมูล:
ชื่อและคำอธิบายของการเชื่อมต่อ
โฮสต์, พอร์ต, และชื่อบริการหรือ SID ของฐานข้อมูล
ในส่วน "Agent Group", คลิก Configure Agents, เลือก Agent Group ที่สร้างไว้, แล้วคลิก Use
ในส่วน "Security", กรอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของฐานข้อมูล
คลิก Save เพื่อบันทึกการเชื่อมต่อ
การตรวจสอบ: ไปที่หน้า Connections, ตรวจสอบสถานะการเชื่อมต่อ,
และสามารถทดสอบโดยสร้าง Integration ที่ใช้การเชื่อมต่อนี้
การสร้าง API ใน OIC เพื่อให้ระบบอื่นสามารถเรียกใช้งานได้เกี่ยวข้องกับการใช้ REST Adapter เป็น Trigger ใน Integration ซึ่งช่วยให้สามารถรับคำขอ HTTP จากภายนอกได้ ขั้นตอนและรายละเอียดมีดังนี้:
ขั้นตอน: ไปที่ Home > Integrations > Connections ใน OIC
คลิก Create เพื่อสร้างการเชื่อมต่อใหม่
เลือก "REST" เป็นประเภท Adapter
ตั้งค่า Role เป็น "Trigger"
กรอกชื่อและคำอธิบายของการเชื่อมต่อ แล้วบันทึก
หมายเหตุ: การเชื่อมต่อนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และการกำหนดรายละเอียดของ API จะทำในขั้นตอนต่อไป
ขั้นตอน: ไปที่ Home > Integrations คลิก Create Integration
เลือก Pattern ที่เหมาะสม เช่น "App Driven Orchestration" สำหรับการจัดการหลายบริการ หรือ "Basic Routing" สำหรับการผ่านข้อมูลง่ายๆ
ลากการเชื่อมต่อ REST (ที่สร้างในขั้นตอนก่อนหน้า) ไปที่ Trigger Area ใน Canvas
ใช้ Adapter Endpoint Configuration Wizard เพื่อกำหนดรายละเอียด:
Operation Details: กรอกชื่อการทำงาน, เส้นทาง (Relative Resource URI), และวิธีการ HTTP (เช่น GET, POST, PUT, DELETE)
รูปที่ 1 Request Payload: กำหนดรูปแบบและโครงสร้างของข้อมูลที่รับเข้ามา (เช่น JSON, XML)
รูปที่ 2 Response Payload: กำหนดรูปแบบและโครงสร้างของข้อมูลที่ส่งกลับ
Request Headers: เพิ่ม Header ที่จำเป็นสำหรับคำขอ
Response Headers: เพิ่ม Header ที่จำเป็นสำหรับคำตอบ
CORS Configuration: ตั้งค่า Cross Origin Resource Sharing หากต้องการให้ระบบจากโดเมนอื่นสามารถเข้าถึงได้
ออกแบบขั้นตอนใน Integration Flow เพื่อประมวลผลคำขอและสร้างคำตอบตามที่ต้องการ
คลิก Activate เพื่อเปิดใช้งาน Integration
ตาราง 1 ตารางสรุปการกำหนดค่าใน Wizard
ส่วน |
รายละเอียด |
Operation Details |
ชื่อการทำงาน, เส้นทาง (Path), วิธีการ HTTP (GET, POST, ฯลฯ) |
Request Payload |
รูปแบบข้อมูลที่รับ (JSON, XML), ตัวอย่าง Payload |
Response Payload |
รูปแบบข้อมูลที่ส่งกลับ, ตัวอย่าง Payload |
Request Headers |
Header ที่จำเป็นสำหรับคำขอ เช่น Content-Type |
Response Headers |
Header ที่ส่งกลับ เช่น Content-Type |
CORS Configuration |
ตั้งค่าเพื่ออนุญาตการเข้าถึงจากโดเมนอื่น (ถ้าจำเป็น) |
URL สำหรับ API จะประกอบด้วย:
Base URL: มาจากโดเมนของ OIC Instance, เช่น https://example.oraclecloud.com
Path: เส้นทางที่กำหนดใน Relative Resource URI, เช่น /myapi
รูปแบบตัวอย่าง: หาก OIC Instance คือ https://example.oraclecloud.com และกำหนด Path เป็น /myapi, URL จะเป็น https://example.oraclecloud.com/rest/myapi
API ที่สร้างจะได้รับการปกป้องโดยค่าเริ่มต้นด้วย HTTP Basic Authentication หรือ OAUTH Token-Based Authentication
HTTP Basic Auth: ระบบภายนอกต้องส่ง Username และ Password ของผู้ใช้ OIC ที่มีสิทธิ์เข้าถึง Integration ผ่าน Header
OAUTH: สามารถใช้ OAUTH สำหรับความปลอดภัยสูงกว่า โดยต้องลงทะเบียน OIC Instance เป็น Trusted Application ใน Oracle Identity Cloud Service และขอ Token เพื่อใช้ในการเรียก API
คำแนะนำ: สำหรับความปลอดภัย, ควรใช้ OAUTH หากระบบภายนอกไม่ควรเข้าถึง Credentials ของ OIC โดยตรง